วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หลากหลายประสบการณ์...กับพญานาค

พญานาคที่คนส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สร้างบั้งไฟ สามารถพบเห็นได้ตามศาสนสถานทั่วไปทั้งฝั่งไทยและลาว


คืนวันที่ 7 ต.ค. นี้ จะเป็นวันที่สิ่งมหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขง หรือที่เรียกกันว่า “บั้งไฟพญานาค” จะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแม้จะยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเกิดบั้งไฟที่แท้จริง แต่ในขณะนี้ ความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดของบั้งไฟพญานาค มีกรณีที่เป็นไปได้อยู่ 2 กรณี ข้อแรกก็คือบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และข้อที่สอง คือพญานาคเป็นผู้สร้างบั้งไฟขึ้นเอง

บั้งไฟพญานาค หรือที่เมื่อก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่า “บั้งไฟผี” นั้น แม้ว่าจะยังไม่รู้สาเหตุที่มาอย่างแน่ชัด แต่วันนี้เรามีเรื่องราวของผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาคมาเล่าสู่กันฟัง

บุญจันทร์ คำมุงคุณ ผู้ใหญ่บ้านและประธานโฮมสเตย์บ้านน้ำเป กิ่งอำเภอรัตนภูมิ จังหวัดหนองคาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ขณะที่กำลังลงเรือหาปลาอยู่ในบริเวณปากห้วยน้ำเปตอนประมาณสองทุ่ม ก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายงูอยู่ในน้ำ

ที่ว่าลักษณะคล้ายงูก็เพราะ ตรงส่วนหัวนั้นไม่เหมือนงูทั่วๆ ไป คือมีลักษณะคล้ายหงอน และดวงตามีขนาดเท่าไข่ไก่เห็นเป็นสีแดง งูนั้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร เพื่อนที่ไปด้วยกันอีกสองคนก็เห็นเหมือนกันหมด

แต่ภาพที่เห็นก็ไม่เหมือนภาพพญานาคที่เคยเห็นตามรูปมากนัก แต่ก็อาจเป็นเพราะเห็นไม่ชัด เพราะความมืด และช่วงเวลาที่เห็นก็นิดเดียว เพราะพอเรือเข้าไปใกล้เค้าก็ลงน้ำหายไป นั่นเป็นครั้งเดียวที่เห็น และรู้สึกกลัวมาก ช่วงนั้นไม่กล้าไปหาปลาตอนกลางคืนอีกเลย แต่จริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้มีท่าทีเป็นอันตรายหรือจะทำร้ายแต่อย่างใด

ทุกวันออกพรรษา บั้งไฟพญานาคจะพุ่งขึ้นมาให้คนได้ชมกัน
ผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาคอีกคนหนึ่งก็คือ “แอร์” ซึ่งเป็นคนจังหวัดอุดรธานี และเป็นคนที่มีสัมผัสที่หก เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 6-7 ปีมาแล้ว ตอนนั้นที่บ้านจัดทัวร์พาคนมาดูบั้งไฟพญานาคที่ริมแม่น้ำโขง แล้วมีฝรั่ง 3 คน พ่อแม่ลูกมาร่วมทริปด้วย ซึ่งฝรั่งคนพ่อนี้นอกจากจะไม่เชื่อแล้วก็ยังพูดด่าว่าอยู่ตลอดเวลา

การเดินทางในวันนั้นรถติดมาก แอร์ก็รู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนจะเป็นลม จนประมาณ 3 ทุ่ม ที่บั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้น แอร์ก็รู้สึกวูบไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีในอีก 2 ชั่วโมงถัดมา ในลักษณะที่เท้าเหยียบอยู่ในแม่น้ำโขง มีคนหิ้วปีกอยู่ทั้งสองข้าง และรู้สึกว่าหน้าร้อนมาก ไม่เคยรู้สึกร้อนขนาดนั้นมาก่อน

หลังจากนั้นจึงได้รู้ว่าช่วงที่ตัวเองวูบไม่รู้สึกตัวไปนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะแม่เล่าให้ฟังทีหลังว่า จากช่วงเวลาที่บั้งไฟลูกแรกขึ้นนั้น แอร์ก็มีท่าทีแปลกๆ เริ่มพูดไม่เหมือนตามปกติ ใช้ภาษาแบบคนโบราณ เช่น ข้ากับเจ้า และนั่งชันขาเหมือนคนโบราณแล้วบอกว่า เราเป็นพญานาคชื่อสีดา ดูแลน้ำโขงช่วงนี้อยู่ ที่มานี่เพื่อมาเตือน เพราะเห็นว่าในกลุ่มนี้มีคนที่ไม่เชื่อและพูดลบหลู่อยู่ พร้อมทั้งยังบอกว่าตนอยู่ที่นี่มาเป็นพันๆ ปีแล้ว และบั้งไฟนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ

จน 2 ชั่วโมงผ่านไป ถึงเวลาเกือบ 5 ทุ่ม พญานาคที่ชื่อสีดาก็บอกว่าจะกลับแล้ว ให้ช่วยไปส่งที่ริมแม่น้ำหน่อย จากนั้นแอร์ก็รู้สึกตัวขึ้น

ร่องรอยของพญานาคที่ฝากไว้บนกระโปรงรถ (ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11)
อีกประสบการณ์หนึ่งจาก จุมพล สายแวว นายช่างไฟฟ้าสื่อสาร 5 ซึ่งแต่ก่อนเป็นพนักงานโสตฯ รับผิดชอบในการนำเสนอข่าวให้กับวิทยุและหน่วยงานกรมประชาสัมพันธ์ จึงคลุกคลีและสัมผัสกับเหตุการณ์บั้งไฟพญานาคมาตลอด 14 ปี

จุมพล บอกว่า ทุกๆ ปีก่อนที่จะถึงวันออกพรรษา มักจะมีเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพญานาคปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ เช่น ต้นมะพร้าว ที่ออกยอดมีลักษณะเหมือนพญานาค หรือชาวบ้านเห็นรอยคล้ายสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บนหลังคารถ ซึ่งปีนี้ก็เห็นมี 3-4 รอย

“ทุกครั้งที่มีข่าวที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับพญานาค ผมก็ได้ไปทำข่าวมา ก็ได้เห็นเป็นรอยเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน เป็นรอยขนาดใหญ่ขึ้นทั่วหลังคารถเลย หรือบางรอยก็เห็นขึ้นริมโขง ก็เป็นสิ่งที่เราไม่กล้าวิจารณ์ว่าเป็นอะไร ไม่กล้าลบหลู่”

แต่เหตุการณ์ที่เขาต้องจดจำเกี่ยวกับพญานาค เพราะได้เห็นกับตาและได้ถ่ายภาพวีดีโอไว้ เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 ปีก่อน เมื่อเขาได้เห็นภาพของสิ่งมีชีวิตลักษณะลำตัวยาวๆ ที่คาดว่ามีหลายตัว เล่นน้ำอยู่กลางลำน้ำโขง ใกล้ๆ กับพระธาตุกลางน้ำ ซึ่งเหตุการณ์เป็นข่าวครึกโครม มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และเชื่อกันว่า เป็นเหตุการณ์ที่พญานาคขึ้นมานมัสการพระธาตุนั่นเอง

“ในส่วนของผมเอง เท่าที่หลายๆ ฝ่ายได้มาพิสูจน์กัน และผมมาประมวลของผมเอง ก็มีความเชื่อที่คล้ายๆ กับชาวบ้านส่วนใหญ่ คืออาจจะเชื่อว่าเป็นกลุ่มก๊าซหรือเป็นอะไรสักอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ หรืออาจจะเป็นพญานาคก็ได้ แต่ยังไงก็คือไม่น่าจะเป็นคนทำ เพราะว่าถ้าเป็นคนทำก็ต้องลงทุนมากคือต้องทำสุดแนวแม่น้ำโขง คือมันขึ้นในแม่น้ำโขง ไม่ได้ขึ้นในฝั่งลาว และมันก็มีอย่างนี้ทุกปี” จุมพล กล่าว

เรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นคำบอกเล่าจากประสบการณ์จริงของผู้ที่ได้เคยสัมผัสกับ “พญานาค” ที่แม้หลายๆ คนจะยังสงสัยว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่เชื่อว่าพญานาคนั้นมีอยู่จริง

แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไร?


หมายเหตุ : บทความนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่แต่ละคนพบเห็น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

เล่าขานตำนานบั้งไฟพญานาค
"หนองคาย" เมืองสงบเรียบง่ายริมฝั่งโขง
บั้งไฟพญานาค: ปฏิกิริยาเคมีในลำโขง
“บั้งไฟพญานาค” กับเหตุผลที่คนทำได้และไม่ได้
15 ค่ำ เดือน 11 : พญานาคพ่นเม็ดเงินสู่อีสาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น